พิชิตหลังคาแห่งอินโดจีน “ฟานซิปัน”
ชมบรรยากาศแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเลื่องชื่อว่าสวยที่สุดในเอเชียอาคเนย์
ที่มีคนบอกว่า … อากาศที่ซาปาดีที่สุด ด้วยสายหมอกและความหนาวเย็น
และเดินทางในห้วงฤดูใบไม้ผลิซาปาท้องฟ้าแจ่มใสที่สุด
ซาปาฤดูใบไม้ผลิ อากาศเย็นสบาย อุณหภูมิ 16 -22 องศา
บนยอดฟานสิปันอุณหภูมิอาจติดลบ อุณหภูมิ 8 ถึง 16 องศา
ช่วงเดือน พค. ซาปาอากาศเย็นสบาย ไม่ร้อน
-
- เรือมังกรล่องแม่น้ำหอมพร้อมรับฟังดนตรีกาเว้ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ รับรองโดยองค์การ UNESCO ชมบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองหลวงเก่า แสง สี เสียง ชมสะพาน 7 สี
-
- ล่องเรือเที่ยวชมอ่าวฮาลองมรดกโลกแห่งแรกของเวียดนาม พร้อมทานอาหารทะเลสดๆจิบไวน์อร่อย ๆ
-
- ชมถ้ำเทวดา สวยงามในอ่าวฮาลอง
-
- ช๊อปปิ้ง ถนน 36 สายใจกลางกรุงฮานอย
-
- เที่ยวชมเมืองชาปา เมืองที่อากาศหนาวเย็นตลอดปี นั่งกระเช้าพิชิตยอดเขาฟานสิปัง หลังคาอินโดจีน
-
- เที่ยวสะพานกระจกมังกรเมฆ สะพานแก้วแห่งแรกของเวียดนาม(โปรแกรมเสริม)
-
- เที่ยวชมหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต ( Cat Cat Village)
-
- เที่ยวชมและช้อปปิ้งตลาดเมืองซาปา ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย อาจจะต่ำกว่า 10 องศา
รายละเอียดโปรแกรมทัวร์
โปรแกรมทริปอุดรธานี-สกลนคร-มุกดาหาร-สะหวันนะเขต-เว้
(บินภายในประเทศเว้-ฮานอย) ฮานอย-ฮาลองเบย์และซาปา
วันที่14-18 ธันวาคม 2566
วันที่ 14 ธันวาคม 67 : อุดรธานี -สกลนคร- มุกดาหาร – สะหวันนะเขต – เมืองเว้-กรุงฮานอย (เช้า /กลางวัน /เย็น)
02.30 น. รับคณะหน้าโรงแรมสยามแกรนด์ (ใกล้บิ๊กชี) เมืองอุดรธานี แวะรับ อ.พังโคน จ.สกลนคร
04.30 น. รับคณะเมืองสกลนคร (หน้า มรภ.สกลนคร) แวะรับจุดนัดหมาย อ.นาแกและสามแยกบ้านต้อง
อ.ธาตุพนม จ.นครพนม หลังจากนั้นออกเดินทางโดยรถปรับอากาศสู่เมืองมุกดาหาร
07.00 น. คณะผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ข้ามแม่น้ำโขง ด้วยสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว 2 สู่ด่านสะหวันนะเขต สปป.ลาว ไกด์สาวลาวคอยให้การต้อนรับ แล้วออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ชายแดนลาว-เวียดนาม
ด้วยเส้นทางเศรษฐกิจสายใหม่หมายเลข 9 บริการอาหารเช้า (มื้อ 1) เป็นขนมปังฝรั่งเศส (ข้าวจี่หรือแบ๋งหมี่)
11.00 น. คณะเดินทางถึงบ้านแดนสวรรค์และด่านลาว แล้วผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองสู่ด่านแดนสวรรค์ ด่านเวียดนามที่ด่านลาวบาว ไกด์สาวเวียดนามทำเอกสาร ตม.ผ่านแดน
12.00 น. รับประทานอาหารเที่ยงที่ ร้านอาหารเซโปน (มื้อ 2) เมืองลาวบาว แล้วออกเดินทางต่อสู่เมืองเว้
16.30 น. เดินทางถึงเมืองเว้ ซึ่งเป็นเมืองเก่าของเวียดนามในสมัยที่ปกครองด้วยกษัตริย์
(เวียดนามและชาติตะวันตก จะใช้คำว่า Emperor หรือจักรพรรดิ) และกษัตริย์ในราชวงศ์เหงียนทุกพระองค์
ตั้งแต่องค์ที่ 1 ถึงองค์ที่ 13 จะประทับอยู่ที่พระราชวังแห่งนี้ เป็นเวลานานถึง 150 ปี เว้จึงมีชื่อว่าเป็นเมืองของ
กษัตริย์ และเป็นที่มาของต้นแบบทางวัฒนธรรมของเวียดนาม เช่น อาหารเวียดนาม และ ชุดอ่าวหญ๋าย ชุด
ประจำชาติ ของสตรีเวียดนาม
นำท่านเดินทางสู่ วัดเทียนมู่ วัดชื่อดังของเมืองดานังศูนย์กลางทางพุทธศาสนานิกายเซน โดดเด่นด้วยเจดีย์ทรงเก๋ง 8 เหลี่ยมแบบจีนสูงลดหลั่นกันลงมาทั้งหมด 7 ชั้น โดยแต่ละชั้นแทนชาติภพต่างๆของพระพุทธเจ้า นอกจากนั้นยังมีศิลาจารึก ระฆังสำริดขนาดใหญ่มีน้ำหนักถึง 2000 กิโลกรัม รวมถึงรูปปั้นเทพเจ้า 6 องค์ คอยปัดเป่าความชั่วร้ายออกไปจากวัด วัดแห่งนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และการเมืองเวียดนามด้วยเช่นกัน เมื่อปี พ.ศ. 2506 เจ้าอาวาสของวัดได้ขับรถออสตินสีฟ้าไปเผาตัวเอง ณ กรุงไซ่ง่อนหรือเมืองโฮจิมินห์ในปัจจุบัน เพื่อประท้วงการบังคับให้ประชาชนไปนับถือศาสนาคริสต์และใช้ความรุนแรงขัดขวางการฉลองวันวิสาขบูชาของประชาชนชาวเวียดนาม ซึ่งยังคงมีรถออสตินสีฟ้าคันดังกล่าวจัดแสดงอยู่ภายในวัด
ลงเรือมังกรล่องแม่น้ำหอม นำคณะลงเรือมังกรล่องแม่น้ำหอมพร้อมรับฟังดนตรีกาเว้ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ รับรองโดยองค์การ UNESCO ชมบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองหลวงเก่า แสง สี เสียง ชมสะพาน 7 สี (เปิดไฟเฉพาะเสาร์ อาทิตย์)
บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร Hue Cousine Restaurant (มื้อ 3)
สมควรเวลา นำคณะเดินทางออกสนามบินฟูบ่าย เพื่อออกเดินทางไปกรุงฮานอย โดยสายการบินเวียดเจ็ท VJ566 เดินทางสู่ตัวเมืองฮานอย มีความหมายว่า “เมืองที่มีแม่น้ำไหลผ่าน” ซึ่งหมายถึงแม่น้ำแดงที่ไหลผ่านตัวเมืองฮานอย อันเป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนาม
ที่พักโรงแรม Moon View Hotel หรือโรงแรมเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
วันที่ 15 ธันวาคม 67 : บินเว้ – กรุงฮานอย – ฮาลองเบย์ – ฮานอย (เช้า/ กลางวัน /เย็น)
เช้า รับประทานอาหารเช้า (มื้อ 4) ณ ห้องอาหารของโรงแรม
08.00น. ออกเดินทางจากเมืองฮานอยสู่อ่าวฮาลองเบย์ เดินทางสู่ท่าเรือเพื่อล่องเรือชมความงดงามของอ่าวฮาลองหรือฮาลอเบย์ ตามนิทานปรัมปราของ ชาวเวียดนามได้กล่าวถึงมังกรโบราณ ซึ่งเคยร่อนลงในอ่าวนี้เมื่อครั้งดึกดำบรรพ์ และชื่อของฮาลองก็แปลว่ามังกรร่อนลง
เที่ยวชมฮาลองเบย์ มหัศจรรย์แห่งอ่าวมังกรเหินฟ้าลงน้ำ (มรดกโลกทางธรรมชาติเวียดนาม) ตามนิทานปรัมปราของชาวเวียดนามได้กล่าวถึงมังกร ซึ่งเคยร่อนจากฟ้า มาลงในอ่าวนี้ เมื่อครั้งดึกดำบรรพ์ และชื่อของฮาลอง ก็แปลได้ว่า มังกรร่อนลงน้ำจากความสวยงาม และสมบูรณ์ของอ่าวฮาลอง
ทำให้ที่นี่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ จากองค์กรยูเนสโก ในปี พ.ศ. 2537 ซึ่งเป็นเสมือนประกาศนียบัตร ที่ใครเห็นต่างเชื่อถือ จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศเวียดนามต้องล่องเรือ
มาชม อ่าวฮาลองเพื่อสัมผัสกับความมหัศจรรย์ ความงดงามของธรรมชาติที่นี่
เชิญท่านสัมผัสจากความงดงามและสมบูรณ์ของอ่าวฮาลอง สัมผัสความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ได้แต่งแต้มด้วยเกาะหินปูนรูปร่างแปลกตา นับพันเกาะ สลับซับซ้อนเรียงตัวกันอย่างสวยงาม ผ่านเกาะต่างๆที่มีรูปร่างแปลกตาลักษณะทั่วไปของอ่าวฮาลองนั้น ประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยจำนวนกว่า 1,000 เกาะและมีเนื้อที่กว่า4,000 ตารางกิโลเมตรซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอ่าวตังเกี๋ยของทะเลจีนใต้นำท่านเข้าชมถ้ำนางฟ้าชมหินงอกหินย้อยต่างๆภายในถ้ำที่ประดับตกแต่งด้วยแสงสีสวยงาม หินแต่ละก้อนจะมีลักษณะคล้ายกับสัตว์ตามแต่ท่านจินตนาการ
12.00 น. บริการอาหารกลางวันบนเรือ เพิ่มพิเศษอาหารซีฟู๊ด (มื้อ 5) ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ของอ่าวฮาลอง
14.30 น. หลังจากนั้นนำคณะเดินทางกลับสู่กรุงฮานอย
17.30 น. อิสระช้อบปิ้งถนน 36 สาย มีสินค้าราคาถูกให้ท่านได้เลือกสรรมากมาย กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า ของที่ระลึกต่างๆ ฯลฯ
เย็น บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อ 6) สมควรแก่เวลาเเช็คอินโรงแรมเพื่อทำธุระส่วนตัว อาบน้ำ(ห้องอาบน้ำ ห้องละ 4 คน) เดินทางฮานอยออกเดินทางสู่ซาปาโดยรถนอนวิไอพี เวลา 22.00น
วันที่ 16 ธันวาคม 67 : ซาปา Moana SAPA ชมหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต CatCatVillage (เช้า/ กลางวัน /เย็น)\
06.00 น. ถึงเมืองซาปานำคณะเปิดห้องโรงแรมอาบน้ำ ทำธุระส่วนตัว (ห้องอาบน้ำห้องละ 4คน)
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า (มื้อ 7) ที่ซาปา
เดินทางถึงซาปา พาท่านเช็คอินแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของซาปา โมอาน่า ซาปา คาเฟ่ (MOANA SAPA CAFÉ) แหล่งท่องเที่ยวที่จำลองไฮไลท์ของที่เที่ยวแต่ละที่ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มารวมไว้ให้ท่านได้ถ่ายรูป ท่ามกลางบรรยากาศที่โอบล้อมไปด้วยภูเขา นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มจำหน่ายให้ท่านได้พักดื่มเครื่องดื่ม และยังได้เพลิดเพลินกับสายหมอกจางๆ พร้อมกับบรรยากาศสุดโรแมนติก โมอาน่า ซาปา คาเฟ่ มีกาแฟ ให้ท่านได้พักดื่ม และท่านยังได้เพลิดเพลินการถ่ายภาพ กับสายหมอกจางๆ พร้อมกับบรรยากาศสุดฟิน
หมายเหตุ เนื่องจากฤดูหนาว จะไม่มีนาขั้นบันไดแล้ว ทางทัวร์ จะจัดกิจกรรมอื่นแทน เช่นเดินชมตลาดซาปา ในบรรยากาศอากาศหนาวเย็น
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อ 8) ณ ภัตตาคาร เมืองซาปาหลังจากนั้นนำท่านเที่ยวชมหมู่บ้านชาวเขากั๊ตกั๊ต (CatCat Village) ตั้งอยู่ในเมืองซาปา จังหวัดลาวไกทางตอนเหนือสุดของเวียดนามเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งดำที่ทำนาอยู่ในหุบเขา บรรยากาศของหมู่บ้านนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ในเรื่องความสงบ สภาพอากาศของที่นี่หนาวเย็นตลอดทั้งปี และมีธรรมชาติที่สดชื่น วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม หรือหากมีผู้สูงอายุในกลุ่มเยอะ อาจเลือกไปเที่ยว ที่ Best View SaPa เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
(หากเลือกหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต ต้องยอมรับการเดินทางลำบาก ด้วยเส้นทางสูงชันมาก)
เย็น รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อ 9)
หลังอาหารนำท่านชม ตลาดเมืองซาปา (Lovemarket) เป็นแหล่งรวมสินค้าท้องถิ่นและบรรดาเหล่าชาวเขาได้นำสินค้ามาค้าขายกันในตลาดยามค่ำคืน
พักที่โรงแรม CHARM SAPA HOTEL ระดับ 4 ดาว
วันที่ 17 ธันวาคม 67 : ซาปา กระเช้าฟานซีปัน น้ำตกสีเงิน (เช้า/ กลางวัน /เย็น)
เช้า รับประทานอาหารเช้า (มื้อ 10) ณ ห้องอาหารของโรงแรม
08.00 น. นำท่านนั่งรถไฟนั่งรถไฟสถานี Muong Hoa สู่สถานีฟานสิปัน ท่านสามารถถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ความสวยงามของซาปาได้ระหว่างทางขึ้นเมื่อถึงสถานีรถไฟฟานสิปัน
นำท่านขึ้นกระเช้าไฟฟ้าฟานซิปัน กระเช้าลอยฟ้าติดกระจก สามารถมองเห็นวิวเมืองซาปาและความสวยงามของธรรมชาติได้ 360 องศา มองจากมุมสูงชมความงามของป่าไม้ แม่น้ำ ลำธารสายน้อยใหญ่ ชมวิวของนาขั้นบันไดที่สวยงามเป็นที่ขึ้นชื่อของเมืองซาปา ในช่วงเวลาที่นาขั้นบันไดซาปาสวยที่สุด สลับไปกับหมู่บ้านของชาวเขารวมถึงภูเขาและม่านหมอกที่เรียงตัวซ้อนกันเป็นฉากหลังที่สวยงามขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามกระเช้าจะเคลื่อนเข้าสู่สถานีบนลานใกล้ยอดเขาฟานซิปันที่ได้รับฉายา
ว่าหลังคาแห่งอินโดจีนโดยอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 3.143 เมตร
นำท่านเดินต่อไปอีกเล็กน้อยเพื่อพิชิตยอดเขาฟานซิปัน (คนแข็งแรงโดยทั่วไปเดินขึ้นไปได้) ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับสัญลักษณ์ สแตนเลส 3 เหลี่ยม ที่แสดงว่าท่านได้มายืนอยู่บน จุดสูงสุดของยอดเขาฟานซิปัน
สัมผัสกับ มฆหมอก และวิวทิวทัศน์ที่สวยงามบนยอดเขา หรือหากท่านต้องการความสะดวกสบายสามารถเลือกนั่งรถไฟเพื่อนำท่านสู่ยอดเขาสูงสุดที่เรียกว่าหลังคาแห่งอินโดจีนได้ (ค่ารถไฟนี้ท่านชำระเอง ณ
จุดบริการ ไม่รวมในค่าใช้จ่ายทัวร์) สมควรแก่เวลานำคณะท่านนั่งกระเช้าลง จากยอดฟานสิปัน
12.00 น. รับประทานอาหารบุฟเฟห์นานาชาติ (มื้อ 11) ที่ ภัตตาคาร ที่อาคารสถานีฟานสิปัน
13.00 น. นั่งรถไฟฟ้า เดินทางกลับจากสถานี ฟานสิปัน สู่สถานี Muong Hoa
13.30 น. นำท่านชมนำท่านชมน้ำตกสีเงิน (SilverWaterfall) ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามที่สุดในซาปา
ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยภูเขาอยู่ริมถนนและสามารถมองเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ไกล มีความสูงประมาณ100 เมตรไหลเลาะลงมาจากหน้าผาหินท่านสามารถเดินไปชั้นบนของน้ำตกได้ น้ำตกซิลเวอร์
เป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ไม่ควรพลาดในการเยี่ยมชม ชาวเวียดนามเรียกน้ำตกนี้ว่า ThacBac
เป็นน้ำตกที่มีหลายชั้นไหลลัดเลาะลดหลั่นลงมาจากหน้าผาหินเป็นทิวทัศน์ที่งดงามมาก หากมีเวลา
ท่านสามารถซื้อบริการเสริม เพื่อเที่ยวชมสะพานมังกรเมฆ Rong May ได้
สะพานแก้วมังกรเมฆ (Glass Bridge Rong May) เป็นสะพานแก้วใส่ที่แรกในเวียดนาม เหมาะสำหรับคนที่ชอบท้าทายความสูง ซึ่งความสูงของสะพานนี้สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 เมตร สามารถรับน้ำหนักได้ 3,000 คนในเวลาเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัยเขาอนุญาตให้อยู่ได้สูงสุดไม่เกิน 500 คนเท่านั้นในเวลาเดียวกัน
บนสะพานนี้เราจะได้ชมทัศนียภาพของเส้นทาง O Quy Ho Pass และเทือกเขา Hoang Lien Son จากมุมสูงและมียังลิฟต์แก้วกลางแจ้งสูงประมาณ 300 เมตรด้วย การเดินทางจากซาปาไปประมาณ 20 กิโลเมตร
เดินทางกลับเมืองซาปา
รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อ 12)
หลังรับประทานอาหารนำท่านชม ตลาดเมืองซาปา (Lovemarket) เป็นแหล่งรวมสินค้าท้องถิ่นและบรรดาเหล่าชาวเขาได้นำสินค้ามาค้าขายในตลาดยามค่ำคืน
จากนั้นเช็คอินรับห้องพักเพื่ออาบน้ำ (ห้องหนึ่ง 4 ท่าน)
กลางคืน นอนรถนอน VIP สู่ฮานอย ถึงฮานอยตอนเช้า (รถออก 22.30 น.)
วันที่ 18 ธันวาคม 67 : ฮานอย-เมืองเว้-ดงฮา ลาวบาว (กว่างจิ)-สะหวันนะเขต-มุกดาหาร-กาฬสินธุ์ และขอนแก่น
เช้า รถนอน VIP เดินทางถึงสนามบินนอยไบ ฮานอย
0555 น. – 0705 น. บินภายในประเทศฮานอยสู่เมืองเว้ โดยสายการบินเวียดเจ็ทแอร์ไลน์ เที่ยวเช้า
เดินทางถึงเมืองเว้
รับประทานอาหารเช้า ที่เมืองฮานอย (มื้อ 13)
เดินทางต่อไปกว่างจิ
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยงที่ภัตาคาร เมืองลาวบาว จ.กว่างจิ (มื้อ 14)
17.30 น. นั่งรถบัสปรับอากาศ ผ่านสะหวันนะเขตและมุกดาหาร
20.00 น. เดินทาง ถึง อ.เมืองสกลนคร ด้วยความปลอดภัย และประทับใจ
22.00 น. เดินทางต่อไป อ.เมือง อุดรธานี ด้วยความปลอดภัย และประทับใจ
………………………………………………………………….
พิเศษบริการเสริมนำท่านชมสะพานแก้ว "มังกรเมฆ" (Rong May) สะพานแก้วแห่งแรกในเวียดนาม ก่อนใคร สะพานแก้วนี้อยู่ระหว่างรอยต่อ จังหวัดลาวกาย(ซาปา)กับจังหวัดไลโจห่างจาก เมืองซาปาเพียง20 กม.(อยู่ใกล้ๆกับสถานีกระเช้าไฟฟ้าฟานสิปัง)
สะพานแก้ว "มังกรเมฆ" "อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล2200เมตร สะพานแห่งนี้มีลิฟท์แก้วใสนำท่านขึ้นสู่ยอดเขาที่สูงขึ้นไปอีกกว่า300เมตร เมื่อขึ้นสู่ส่วนบนที่เป็นสะพานแก้วแล้ว จะทำให้ท่านมองเห็นวิวทิวทัศน์ ที่เป็นความงามของหุบเขาในระหว่างเทือกเขาฟานสิปัง และเทือกเขา Hoang Lien Son ซึ่งเป็นเทือกเขาที่ยาวที่สุดในเวียดนาม(ฟานสิปังสูงที่สุด)
ว่ากันว่า สะพานแก้วที่เป็นสุดยอดที่สุดในโลกหลายๆด้านและมีชื่อเสียงที่สุด คือสะพานแก้วจางเจี่ยเจี้ย แต่สะพานแก้ว"มังกรเมฆ" กลับเลือกสะพานแก้ว Sky Mirror Duong Tan (Yangxin)
เมือง Huangshi (Huangshi)มณฑลหูเป่ยของจีน
ส่วนสะพานแก้ว “มังกรเมฆ” แห่งซาปาจะเป็นอย่างไร ท่านต้องมาสัมผัสด้วยตัวของท่านเอง
(เป็นบริการเสริมตามความสนใจ เลือกอิสระ ไม่บังคับ มีค่าใช้จ่ายท่านละ 700- )
อัตราค่าบริการ 17,998 ไม่รวมค่าทิปไกด์และคนขับรถ 700 บาท
(มัดจำ 50% เป็นเงิน 9,000-)
ขึ้นที่ขอนแก่น เพิ่ม 700–
อัตรานี้รวม
ค่าที่พักโรงแรมตามรายการ 2 คืนพักห้องละ 2-3 ท่าน นอนบนรถไฟนอนVIP 2คืน)
ค่าอาหารตามรายการ
บริการไวน์ดาลัต 1 มื้อ จัดเลี้ยงสังสรรค์
บริการตากล้องถ่ายภาพสวยงามตลอดทริป
น้ำเปล่าวันละ 2 ขวด
ค่ารถรับ-ส่งสนามบินและรายการทัวร์ตลอดรายการ
อัตราค่าเข้าชมสถานที่ที่ระบุไว้ในรายการ
อัตรานี้ไม่รวม
ค่าบริการและค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ไม่ระบุไว้ในรายการ
เอกสารที่ประกอบการเดินทาง:
1.หนังสือเดินทางเหลืออายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า6 เดือน (นับจากวันเดินทาง)
2.เอกสารรับรองการฉีดวัคซีน 2เข็มจากแอพพิเคชั่นหมอพร้อม
ทริปรายการพิเศษที่สุดแบบนี้ รับรองรายการเที่ยวสนุก ไม่เหนื่อย เที่ยวหลากหลายรสชาติ ไม่ซ้ำรอยใคร
เหมาะสำหรับคนอิสานที่ไม่อยากเดินทางเข้ากรุงเทพ ด้วยจาก สกลนคร และกาฬสินธุ์ไปเมืองเว้ จะใกล้กว่าเดินทางเข้ากรุงเทพ
ด้วยชื่อเสียงเลื่องลือระบือไกลของ“เมืองซาปา” ในเรื่องความงามของท้องทุ่งนาขั้นบันได อันกว้างใหญ่ตระการตาที่ดูงดงามดุจดังดินแดนแห่งเทพนิยาย บวกกับสภาพของเมืองที่ตั้งอยู่ใน ภูมิประเทศอันสวยงามท่ามกลางอ้อมกอดแห่งขุนเขาที่อวลไปด้วยสายหมอกและบรรยากาศอันหนาวเหน็บ
ในช่วงฤดูหนาว ซาปาก็หนาวเหน็บจนเกิดหิมะตกลงมาย้อมเมืองให้เป็นสีขาวโพลนอยู่บ่อยครั้ง
ช่วงนาข้าวขั้นบันไดกำลังเหลืองอร่าม คือช่วงที่ซาปาสวยที่สุด(เดือนสิงหาคม-กันยายนของทุกปี)
“ซาปา” …เมืองแห่งขุนเขาและนาข้าวขั้นบันได เมืองที่อยู่ไกลสุดขอบชายแดนประเทศเวียดนาม แต่กลับซ่อนความงดงามเอาไว้อย่างอัศจรรย์ ลองจินตนาการกันดูสิว่า
มันจะดีแค่ไหนหากเราได้ไปสูดกลิ่นต้นหญ้า นาข้าว และอากาศบริสุทธิ์ พร้อมกับได้ชมทัศนียภาพของขุนเขาและนาข้าวขั้นบันไดอันเขียวขจีสวยงาม อีกทั้งได้สัมผัสกับวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิต ของผู้คนหลากหลายกลุ่ม บนภูเขาสูงใหญ่แห่งนี้ (รวมทั้งคนไทด้วย)
ไม่ใช่แค่ชาวเวียดนาม เท่านั้นที่หลงใหลซาปา หากแต่ผู้คนจากทั่วโลก
ต่างใฝ่ฝันที่จะมาเยือนซาปาให้ได้ สักครั้งหนึ่งในชีวิต คนที่เคยมาแล้ว ก็อยากจะกลับมาเยือนซาปาได้อีกครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้เบื่อ